ในยุคที่ข้อมูลมีปริมาณมหาศาลและเติบโตอย่างรวดเร็ว การจัดเก็บข้อมูลระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับระบบสำรองข้อมูล (Backup) ที่ต้องการความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถกู้คืนข้อมูลได้เสมอเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจบริการ Cloud Archive Storage จากผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ ได้แก่ AWS, Google Cloud Platform (GCP) และ Microsoft Azure ซึ่งแต่ละรายมีจุดเด่นและข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกัน เพื่อช่วยให้คุณเลือกโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการด้าน Backup ขององค์กรได้อย่างเหมาะสม
ทำไม Cloud Archive Storage จึงสำคัญต่อระบบ Backup?
บริการ Archive Storage ถูกออกแบบมาเพื่อการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่ค่อยได้เข้าถึง (Cold Data) ในระยะยาว ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า Storage ทั่วไปอย่างมาก ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเก็บรักษาข้อมูลเก่า ข้อมูลที่ต้องเก็บตามข้อกำหนดทางกฎหมาย หรือข้อมูล Backup ที่ไม่จำเป็นต้องเรียกใช้งานบ่อยนัก แต่ยังคงต้องเก็บรักษาไว้เพื่อการกู้คืนในอนาคต
การเปรียบเทียบบริการ Cloud Archive Storage
เราจะมาเปรียบเทียบคุณสมบัติหลักของบริการ Archive Storage จาก AWS, GCP และ Azure โดยพิจารณาจากค่าบริการจัดเก็บข้อมูล, ค่าบริการเรียกใช้ข้อมูล และระยะเวลาในการกู้คืนข้อมูล (ข้อมูลราคาอ้างอิงจากภูมิภาคที่มีต้นทุนต่ำสุดในแต่ละคลาวด์ เช่น AWS Ohio, GCP Iowa, Azure Central US ณ วันที่บทความนี้เผยแพร่)
1. Amazon Web Services (AWS)
AWS มีตัวเลือก Storage Class ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน:
- S3 Glacier Flexible Retrieval (เดิมคือ S3 Glacier): เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลระยะยาวมาก ๆ ด้วยต้นทุนที่ต่ำ มีตัวเลือกการกู้คืนข้อมูลที่ยืดหยุ่น:
- Standard Retrieval: กู้คืนภายใน 3-5 ชั่วโมง
- Bulk Retrieval: กู้คืนภายใน 5-12 ชั่วโมง และมีข้อดีคือ ไม่คิดค่าบริการเรียกใช้ข้อมูล สำหรับการดึงข้อมูลจำนวนมาก
- S3 Glacier Instant Retrieval: ตัวเลือกใหม่สำหรับข้อมูล Archive ที่ต้องการการเข้าถึงรวดเร็ว (Millisecond Access) ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า S3 Glacier Flexible Retrieval เล็กน้อย แต่ยังคงประหยัดกว่า S3 Standard หรือ S3 Infrequent Access
ข้อสังเกต: AWS มีความยืดหยุ่นสูงด้วยตัวเลือกที่หลากหลายและสามารถประหยัดค่าเรียกใช้ข้อมูลได้เมื่อใช้ Bulk Retrieval
2. Google Cloud Platform (GCP)
GCP เน้นจุดเด่นที่การเข้าถึงข้อมูล Archive ด้วยความหน่วงต่ำ (Low Latency) ทำให้สามารถเรียกข้อมูลได้ภายในเวลาหลักมิลลิวินาที ซึ่งแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นที่อาจใช้เวลาหลายชั่วโมง:
- Archive Storage: นำเสนอราคาจัดเก็บที่ค่อนข้างต่ำ และมีจุดเด่นที่ระยะเวลาการกู้คืนข้อมูลที่รวดเร็วมาก
ข้อสังเกต: แม้ค่าจัดเก็บจะต่ำ แต่ GCP มีค่าธรรมเนียมการเรียกใช้ข้อมูลที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง และมีข้อกำหนดเรื่อง ระยะเวลาจัดเก็บขั้นต่ำ 365 วัน ซึ่งหากคุณเก็บข้อมูลน้อยกว่า 1 ปี อาจทำให้ต้นทุนรวมสูงกว่าที่คิด
3. Microsoft Azure
Azure นำเสนอ Archive Storage ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่าและระยะเวลาการกู้คืนที่เข้าใจได้:
- Azure Archive Storage: ราคาจัดเก็บข้อมูลอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว
ข้อสังเกต: ระยะเวลาในการกู้คืนข้อมูลของ Azure ระบุไว้ที่ สูงสุด 15 ชั่วโมง ซึ่งอาจช้ากว่าบางตัวเลือกของ AWS และ GCP แต่โดยรวมแล้วถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับข้อมูลที่ไม่ได้ต้องการการเข้าถึงอย่างเร่งด่วน
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม
- ระยะเวลาจัดเก็บขั้นต่ำ (Minimum Storage Duration): เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา หากคุณลบข้อมูลออกก่อนระยะเวลาขั้นต่ำที่กำหนด คุณจะต้องจ่ายค่าปรับเสมือนว่าได้จัดเก็บข้อมูลครบตามกำหนด ตัวอย่างเช่น GCP Archive Storage มีระยะเวลาขั้นต่ำ 365 วัน
- ค่าบริการสำหรับการร้องขอ/ดำเนินการ (Request/Operation Fees): นอกจากค่าจัดเก็บและค่าเรียกใช้ข้อมูลแล้ว ยังมีค่าบริการสำหรับการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การอัปโหลด การลบ หรือการร้องขอข้อมูล ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ให้บริการ (เช่น AWS คิดต่อ 1,000 requests ในขณะที่ GCP/Azure คิดต่อ 10,000 operations)
- Use Case ของคุณ: การเลือกบริการที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานจริงของคุณ หากคุณต้องการเข้าถึงข้อมูล Backup ได้อย่างรวดเร็ว S3 Glacier Instant Retrieval หรือ GCP Archive Storage อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากคุณมีงบประมาณจำกัดและไม่จำเป็นต้องกู้คืนข้อมูลอย่างเร่งด่วน S3 Glacier Flexible Retrieval (Bulk Retrieval) หรือ Azure Archive Storage ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
สรุป
การเลือกใช้ Cloud Archive Storage ที่เหมาะสมกับระบบ Backup ของคุณจะช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก โดยยังคงรักษาความปลอดภัยและความพร้อมใช้งานของข้อมูลไว้ได้ AWS, GCP และ Azure ต่างมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป การทำความเข้าใจความต้องการด้านการจัดเก็บและกู้คืนข้อมูลของคุณอย่างชัดเจน จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกโซลูชันที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด
หากบริษัทของคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ Backup บน Cloud หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกใช้บริการ Cloud Storage ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ สามารถติดต่อเราได้ที่ www.oncloud.in.th ทีมงานของเรายินดีให้คำปรึกษาเพื่อออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณโดยเฉพาะ